มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ตั้งอยู่เลขที่ 119 หมู่ที่ 9 ถนน ลำปาง-แม่ทะ ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง 52100 หมายเลขโทรศัพท์: (054) 237399 แฟ็กซ์ (054) 237388

โรงพยาบาลช้างลำปางมีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งครับ

ข่าวน่ายินดีสำหรับคนลำปาง และคนรักช้างครับ เมื่อช้างพักโจเกีย อายุ 24 ปี ตกลูกแล้วที่โรงพยาบาลช้าง มูลนิธิเพื่อนช้าง อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นช้างเพศเมีย ทีมงานและขวาญช้างตั้งชื่อว่า พังพวงชมภู น้ำหนักแรกเกิด 70 กิโลกรัม ทั้งแม่ และลูก สุขภาพแข็งแรง และปลอดภัยดีครับ เป็นอีกข่าวดีอีกข่าวสำหรับคนลำปาง และคนรักช้าง ท่านที่ผ่านไป ผ่านมา เชิญแวะเข้าไปชม หรือร่วมกิจกรรมได้ที่ ศูนย์นะครับ...

ธุรกิจเซรามิกในจังหวัดลำปาง

บริษัท อินทราเซรามิค จำกัด
www.indraceramic.com โทร 054-221189

บริษัท ศิระลำปาง จำกัด
www.tarad.com โทร 054-250477

บริษัท ลำปางคูนเซรามิค จำกัด
maps.google.co.th โทร 054-225227

บริษัท ไทยเซรามิคลำปาง จำกัด
maps.google.co.th โทร 054-226740

บริษัท ที.ดับบลิว.เซรามิกส์ จำกัด
maps.google.co.th โทร 054-226105

ห้างหุ้นส่วนจำกัด สากลถ้วยชาม
maps.google.co.th โทร 054-218769

บริษัท เอ็ม.ซี.บี.เซรามิค จำกัด
maps.google.co.th โทร 054-356730

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญจังหวัตลำปาง

ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร.05422 8334, 05422 8334
สำนักงานจังหวัดลำปาง โทร.05421 8800, 05421 8800
เทศบาลนครลำปาง โทร.05421 9211-7, 05421 7035 , 05421 7035
ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155
ตำรวจทางหลวง โทร.1193
สถานีตำรวจภูธร อ.เมืองลำปาง โทร.05421 7017, 05421 7017
โรงพยาบาลเขลางค์นคร โทร.05422 5100-3
โรงพยาบาลเทศบาลเมืองลำปาง โทร.05422 3625-31
ไปรษณีย์ลำปาง โทร.05422 4069 ,05422 4069
ศูนย์การท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง โทร.05421 8823, 05421 8823, 05426 5027, 05426 5027
สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง โทร.05422 4845, 05422 4845

วัดพระธาตุลำปางหลวง

เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมายได้แก่
พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปรฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้าน ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุน เป็นลวดลายประจำยามแบบต่าง ๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อพระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระอัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่
วิหารหลวง วิหารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2019 โดยเจ้าหมื่นคำเป๊ก ภายในมีซุ้มปราสาททองเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเปนที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ บนแผงไม้คอสองมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่งดงามเรื่องทศชาติและพรหมจักร
วิหารพระพุทธ ไม่ปรากฏว่าสร้างเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี เดิมเป็นวิหารเปิดโล่งหน้าบันเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสี ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่เต็มอาคาร ก่ออิฐถือปูน ศิลปะเชียงแสน และยังปรากฏเงาพระธาตุภายในวิหารอีกด้วย
เมื่อหันหน้าเข้าหาวิหารหลวง ด้านขวามือ คือ วิหารน้ำแต้ม หรือวิหารภาพเขียนสี (“แต้ม” แปลว่า ภาพเขียน) สร้างเมื่อ พ.ศ.2044 เป็นวิหารเปิดโล่งที่เก่าแก่ที่สุดอีกหลังหนึ่งทางภาคเหนือ ภายในเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม ไม่มีฝ้าเพดาน กำแพงด้านพระประธานเขียนภาพลายทองบนพื้นรักแดง มีภาพจิตรกรรมศิลปะล้านนาบนแผงไม้คอสองที่กล่าวกันว่าเก่าแก่ที่สุด และหลงเหลือเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 ลงมา แต่ปัจจุบันภาพเขียนลบเลือนไปมาก และประดิษฐานพระพุทธรูปสัมริดปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1.25 เมตร สูง 1.25 เมตร

ซุ้มพระบาท สร้างครอบพระพุทธบาทไว้ ฐานก่อขึ้นเป็นชั้นคล้ายฐานเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 1992 ภายในมองเห็นแสงหักเหปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารในด้านมุมกลับ แต่มีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้น

กุฏิพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างเมื่อใด แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปีมาแล้ว

วิหารพระเจ้าศิลา เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าศิลาซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงละโว้ เมื่อ พ.ศ. 1275 พระบิดาของพระนางจามเทวีมอบให้ประดิษฐานไว้ ณ ที่นี้

พิพิธภัณฑ์ รวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก เช่นสังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก เป็นต้น

นอกจากนี้วัดพระธาตุลำปางหลวงยังเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนาสลักด้วยหยกสีเขียว ทุกปีจะมีงานนมัสการพระแก้วดอนเต้าในวันเพ็ญเดือน 12 ตามคติความเชื่อของการไหว้พระธาตุปีเกิด พระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีฉลู นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุลำปางหลวงได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 07.30-17.00 น.
การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลำปาง-เถิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 586 เลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ว่าการอำเภอเกาะคา จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอีก 1 กิโลเมตร หรือหากเดินทางโดย รถโดยสารประจำทาง สามารถใช้บริการรถสองแถวสีฟ้าที่ถนนรอบเวียงใกล้ตลาดออมสิน

ข้อมูลจาก: thai.tourismthailand.org

ประวัติรถม้าลำปาง โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์

ที่แน่นอนที่สุด รถม้ามาถึงลำปางในรัชกาลที่ 6 เมื่อรถไฟเชื่อมรางมาถึงลำปาง เมื่อปลายปี พ.ศ.2457

ก่อนสร้างสะพานรัษฎาภิเศก 3 ปี คือสะพานสร้างเสร็จเดือนมีนาคม พ.ศ.2460 รถไฟมาถึงลำปาง รถม้าได้ขนย้ายจากกทม.มาถึงลำปางเช่นกัน รถม้าคันแรก ได้แก่ รถม้าของเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรีมหาอำมาตย์โท เจ้าบุญวาทย์ วงษ์มานิต เป็นผู้นำมาใช้ ได้นำรถม้ามาโดยว่าจ้างสารถี ซึ่งเป็นแขกมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาขับรถม้าให้

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าของภาคเหนือตอนบน เครื่องอุปโภค และของใช้ต่างๆ เช่น เกลือ รองเท้า เสื้อผ้า น้ำมัน จะต้องขนส่งโดยตรงจากกรุงเทพมหานครเพื่อมาลง และขนส่งต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และต่อไปยังประเทศลาว ด้านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และประเทศพม่าที่อำเภอแม่สาย เชียงราย เช่นกัน รถม้าจึงเกิดความสำคัญในการขนส่งภายในจังหวัดขึ้นตั้งแต่นั้นมา กล่าวได้ว่ารถม้าเป็นเส้นเลือดสายใหญ่ของจังหวัดลำปางไปโดยปริยาย

จากจำนวน 1-2 คันที่เจ้านครนำเข้ามา ก็เพิ่มทวีขึ้นตามลำดับ และเหตุที่ทางกรุงเทพมหานครได้นำรถยนต์เข้ามาวิ่ง ซึ่งสะดวกกว่ารถม้ามาก รถม้าจึงได้อพยพไปตามหัวเมืองต่างๆ อีกหลายหัวเมือง เช่น นครศรีธรรมราช นครราชสีมา แต่เหตุผลใดไม่ปรากฏ จึงไม่มีรถม้าวิ่งในจังหวัดดังกล่าวถึงปัจจุบันนี้ เหมือนจังหวัดลำปาง

ในปี พ.ศ.2490 รองอำมาตย์ตรี ขุนอุทานคดี ได้ก่อตั้งสมาคมล้อเลื่อน และเป็นปีที่ขอจดทะเบียน และในปี พ.ศ.2492 จึงได้ใบอนุญาต และท่านได้เป็นนายกสมาคมรถม้าคนแรก และเป็นผู้แทนราษฎรของจังหวัดลำปาง ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกสมาคมรถม้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมาคมแรกของจังหวัดลำปาง การขอจดทะเบียนล้อเลื่อน จังหวัดลำปางจึงเป็นจังหวัดเดียวที่มีการจดทะเบียนประเภทล้อเลื่อน ที่จะต้องเสียภาษี และมีป้ายวงกลมอย่างถูกต้องในประเทศไทย การจดทะเบียนรถม้า ต้องเสียภาษีปีละ 5 บาท ต่อ 1 คัน และใบขับขี่จะต้องต่อใบอนุญาต 2 บาทต่อปี

จังหวัดลำปางจึงถือได้ว่าเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนรถม้าที่วิ่งในถนนหลวงที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในประเทศไทย และมากที่สุดในโลก

ในปี พ.ศ.2493 รองอำมาตย์ตรี ขุนอุทานคดี ได้มอบให้เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าบุญวาทย์ วงษ์มานิต เป็นนายกสมาคมรถม้าคนที่ 2 ช่วงเจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง เป็นนายกสมาคมรถม้านี้ ถือได้ว่าเป็นยุคทองของรถม้า ซึ่งในปี พ.ศ.2500 รถม้าของจังหวัดลำปางมีถึง 185 คัน ซึ่งถือได้ว่ามีมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสมาคมรถม้าขึ้น รถม้าในจังหวัดลำปาง เขาเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Queen Victoria จะมีล้อ 4 ล้อ เบาะหลังเป็นเก๋ง เป็นเบาะใหญ่ นั่งได้ 2 คน และม้านั่งเสริม สามารถนั่งได้อีก 2 คน รวมแล้วรถม้าคันหนึ่ง ถ้าเป็นคนไทย หรือตัวไม่ใหญ่มาก ก็นั่งได้ 4 คน ปกติแล้ว รถม้ารับฝรั่ง เขาจะนั่งเพียง 2 คนเท่านั้น

(ที่มา : จากเอกสาร "เที่ยวลำปาง นั่งรถม้า" จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)

ข้อความจาก :www.gotomanager.com

ชมเมืองบนรถม้า

นับเวลาย้อนหลังไปช่วง 80 ปีที่แล้ว สมัยของเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 การคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ยังพัฒนาไม่ถึงนครลำปาง รถม้าเป็นพาหนะชนิดเดียวที่ได้รับความนิยมในการเดินทางสูงสุดและสามารถใช้บรรทุกของหรือสินค้า รถม้าคันแรกได้ถูกซื้อมาจากกรุงเทพฯ ขณะนั้นทางกรุงเทพฯ มีรถยนต์ใช้มากขึ้น บทบาทของรถม้าลากในกรุงเทพฯ จึงลดน้อยลง รถม้าจึงได้ถูกนำมาใช้ที่นครลำปางและยังได้กระจายไปสู่เมืองหลักของภาคต่างๆ ได้แก่ นครราชสีมาของอีสาน นครศรีธรรมราชของภาคใต้ นครเชียงใหม่ เมืองเชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองแม่ฮ่องสอนของทางภาคเหนือ แต่ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ ผู้ประกอบการรถม้าในเมืองดังกล่าวจึงเลิกกิจการไป คงเหลือแต่เฉพาะจังหวัดลำปางแห่งเดียวที่ยังคงใช้รถม้าอยู่ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้

ในสมัยหนึ่งรถม้ามีบทบาทอย่างมากในนครลำปาง มีรถม้าที่เรียกกันว่ารถม้าแท็กซี่ คอยรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าสู่ตัวเมืองนครลำปาง ทั้งไปรับพัสดุภัณฑ์จากสถานีรถไฟมาส่งที่ทำการไปรษณีย์ เป็นรถรับส่งนักเรียน ขนของให้พ่อค้าแม่ค้าเรื่อยไปจนถึงพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล ทุกวันนี้มีรถม้าเหลืออยู่ไว้เพื่อการบริการนักท่องเที่ยว ทางจังหวัดได้จัดเส้นทางสำหรับรถม้าโดยเฉพาะเลาะเลียบแม่น้ำวังโดยสมาคมรถม้าลำปางกำหนดค่าโดยสารแน่นอนไว้ 3 อัตรา คือ รอบเมืองเล็ก 150 บาท รอบเมืองใหญ่ 200 บาท หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า บริการระหว่างเวลา 06.00-16.00 น. ส่วนบริเวณหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง บริการระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. หรือติดต่อสมาคมรถม้าลำปาง โทร. 0 5421 9255 เส้นทางรอบเมืองเล็ก ขึ้นที่ศาลากลางเก่ารถจะเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกเข้าถนนทิพย์ช้าง สองฟากถนนมีร้านค้าที่เป็นตึกแถวเก่าๆให้ชมก่อนจะเลี้ยวซ้ายที่สามแยกการไฟฟ้าฯจะเห็นแม่น้ำวังไหลขนานไปกับถนนทางด้านขวา ผ่านห้าแยกหอนาฬิกา ซึ่งเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของเมืองนักท่องเที่ยวมักถ่ายภาพคู่กับรถม้าเป็นที่ระลึกกันที่จุดนี้ จากนั้นรถม้าจะพาเข้าถนนบุญวาทย์อันเป็นย่านใจกลางธุรกิจการค้า ตึกแถวสองฟากเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ และมาสิ้นสุดตรงจุดเดิม ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เส้นทางรอบเมืองใหญ่ ขึ้นที่ศาลากลางเก่าเป็นเส้นทางเดียวกับเส้นทางรถม้ารอบเมืองเล็กไปจนถึงสามแยกการไฟฟ้าฯ แต่ไม่เลี้ยวซ้ายไปหอนาฬิกาจะตรงไปตามถนนวังขวาเลียบแม่น้ำวัง ผ่านบ้านไม้เก่าชื่อบ้านบะเก่าทางด้านซ้ายมือ ผ่านสวนสาธารณะเขลางค์นคร เลี้ยวซ้ายข้างสวนมาผ่านย่านตลาดอัศวินซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักบนถนนท่าคร่าวน้อย ผ่านห้าแยกหอนาฬิกาเข้าถนนบุญวาทย์ สิ้นสุดทางที่จุดเดิม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หากเช่าเป็นชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเส้นทางชมเมืองได้ตามความต้องการ เช่น ข้ามแม่น้ำวังบนสะพานรัษฎาภิเศก ชมบ้านเสานัก ชมวัดต่างๆ และนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก อีกเส้นทางหนึ่งคือชมย่านตลาดจีนบนถนนตลาดเก่า ซึ่งเป็นถนนเศรษฐกิจในอดีตที่ยังคงสภาพอาคารตึกแถวแบบโบราณไว้ทั้งสองฟาก บ้านเก่าหลายหลังมีลวดลายไม้ฉลุที่งดงาม ชมสถานีรถไฟที่เป็นอาคารแบบโบราณ แวะถ่ายภาพที่ห้าแยกหอนาฬิกาและอาจแวะซื้อผลิตภัณฑ์เซรามิคบริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 4 ที่อยู่ใกล้ๆกับหอนาฬิกา ซึ่งมีให้เลือกหลายร้าน

ข้อความจาก :www.teawmuangthai.com

เหมืองลิกไนต์ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

เหมืองลิกไนต์ เป็นแหล่งถ่านหินลิกไนต์ซึ่งค้นพบเมื่อ พ.ศ.2498 มีปริมาณถึง 630 ล้านตัน และมีอายุประมาณ 40 ล้านปี พื้นที่เหมืองทั้งหมดเป็นของกรมป่าไม้ มีประมาณ 20,000 ไร่ สามารถใช้ได้อีกประมาณ 50 ปี มีการสร้างโรงไฟฟ้า ที่ใช้ถ่านหินชนิดนี้เป็นเชื้อเพลิงตั้งอยู่หลายโรง เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามากถึง 13 เครื่อง ถ่านหินลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็น พลังงานไฟฟ้า ส่งไปใช้งานทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ สำหรับบ้านเรือน ร้านค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ถึงแม้ นักท่องเที่ยวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปบริเวณขุดเจาะถ่านหินเพราะมี อันตรายจากวัตถุระเบิดที่ใช้ทำเหมือง แต่ กฟผ. ได้จัดทำจุดชมวิวสำหรับ นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นสวนหย่อมตกแต่ง ปลูกไม้ประดับต่างๆ ความสวยงาม ของพันธุ์ไม้ ศาลาชมวิว จุดชมวิว ชมการระเบิดของลิกไนต์ และสามารถ มองเห็นการทำงานของ รถขุดตักแร่ รถขนถ่านหินลิกไนต์ผ่านสายพาน เข้าสู่เครื่องจักรซึ่งอยู่ห่างออกไปเบื้องล่าง ได้เป็นมุมกว้างในบริเวณเหมือง มีบ้านพักรับรองของ กฟผ. สนามกอล์ฟ และสโมสร สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โทร.0 54252730-1 , 0540252724 หรือ www.maemohmine.egat.co.th ,โรงไฟฟ้าแม่เมาะ www.maemoh.egat.com

การเดินทาง ไปตามถนนสายลำปาง-เด่นชัย เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร จากนั้นแยกซ้ายเข้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระยะทางประมาณ13 กิโลเมตร สามารถเช่ารถสองแถวซึ่งจอดอยู่ บริเวณ ตลาดบริบูรณ์ในตัวเมือง หรือที่สี่แยกร้านขายยา ไทยโอสถ ถนนทิพวรรณ ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 30 นาที

Doi Khuntan National Park

Doi Khuntan National Park is located within Lampang and Lamphun, has an area of 225 squarekilometers and an altitude of 1,272 meters. Access to the park is possible by taking Lampang - Lamphun highway and branching off at Km. 47 for 18 kms., but the easiest way is by train to Khuntan station. The Doi Khuntan area was first explored early this century when German engineers were excavating Thailand's longest tunnel (some 1.3 kilometers) on the Bangkok - Chiang Mai railway line. The main trail climbs from Khuntan station to park headquarters and bungalows belonging to the State Railways, a missionary part and the Royal Forestry Department. Camping sites are also available ; campers must bring their own tents and the camping equipment.

The Center is located in Ban Tung Kiewn

The Center is located in Ban Tung Kiewn, Amphoe Hang Chat, on Lampang - Chiang Mai Highway 32 kms. from Lampang. At the center, the elephants's activities such as bathing, working, log pushing, etc. are held for show. In addition, the center has provided elephant riding tourist route.

The Elephant Conservation Centre

The Elephant Conservation Centre is attached to the Veterinary Section of the Northern Timber Work Division of the Forestry Industry Organization and is the first centre in Thailand to train elephants for forest work.

Wat Phrathat Chom Ping

Wat Phrathat Chom Ping is situated at Mu 5, Ban Chom Ping, Tambon Na Kaeo, Amphoe Ko Kha about 26 kms. south - west of Lampang provincial city. The unnatural happening of this temple is the shade of the pagoda reflexed on the floor of the convocation hall through the hole of its window, this similar event also happened at Wat Akkho Chai Khiri, Amphoe Chae Hom in Lampang.

Wat Phrathat Lampang Luang

Lies some 20 kilometers south of Lampang and is one of the North's finest temples. The chedi towers above surrounding trees. To the left of the chedi is a viharn with a carved wood fa?ade and double - level roofs. Harmonious proportions and exquisite interior decoration make Wat Phrathat Lampang Luang one of the best examples of Northern - style religious architecture.

Wat Chedi Sao

(Temple of Twenty Chedis) is also on the right bank of Mae Nam Wang, north of town. The temple is attractively set in an open ricefield. The complex is impressive with its Burmese - style bell - like spires.

Wat Phra Kaeo Don Tao

On the right bank of Mae Nam Wang is an old building which consists of an impressive chedi on a rectangular base with a round spire topped with gilded bronze plaques. A Burmese - style chapel topped by tiered roofs stands against it. The chapel contains a Burmese style Buddha image with particularly interesting decorations. The chapel probable dates from the late 18th century. Beautiful colours and elaborate harmony make Wat Phra Kaeo Don Tao one of Thailand's best examples of Burmese - style temples.

Lampang, North, Thailand

Lampang, is situated on the right bank of Mae Nam Wang and lies 599 kilometers north of Bangkok at the junction of highways of Chiang Rai Chiang Mai, with an area of 12,543 sq.kms.It is administratively divided into 13 Amphoes : Muang, Chae Hom, Hang Chat, Ko Kha, Mae Mo, Mae Phrik, Mae Tha, Ngao, Soem Ngam, Sop Prap, Thoen, Wang Nua, and Muang Pan.Lampang lays claim to two unique features : it is the sole Thai town still using colourful horse drawn carriages as a means of everyday urban transport, and it claims to have the world's only training school for baby elephants. Both attractions account for the bulk of Lampang's Thai and foreign visitors.

ล้านนาเซรามิกแฟร์ ลำปาง53

"ล้านนาเซรามิกแฟร์" ระหว่างวันที่ 7-15 สิงหาคม 2553 ณ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรม ถ.พหลโยธิน ลำปาง-ตาก ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ภายในงานมีนิทรรศการเกี่ยวกับเซรามิก การประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิกจากฝีมือคนไทย การจำหน่ายสินค้า OTOP และความบันเทิงมากมาย สอบถามเพิ่มได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง 054-265022-3

โรงงานเซรามิค และร้านขายสินค้าที่ระลึกในจังหวัดลำปาง

บริษัทควอลิตี้เซรามิก จำกัด
59 หมู่ 4 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 52100 โทร.054-366318,054-366318โทรสาร 054-366319,054-366319
กิตติโรจน์ เซรามิค 5/1 หมู่ 3 ถ.ต้นธงชัย โทร.054-218617,054-224612โทรสาร 054-225712
เค เค เซรามิค 254 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู โทร.054-218313,054-221580 โทรสาร 054-225589
ชมพูอุตสาหกรรม 431 หมู่ 5 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู โทร.054-222931 โทรสาร 054-223931
เชาว์ลำปาง 107 ถ.พหลโยธิน โทร.054-217443,054-218443 โทรสาร 054-224443
บ.ณ. 324 หมู่ 6 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู โทร.054-221598 โทรสาร 054-221598
พืชผลเซรามิค 62 ถ.พหลโยธิน ต.ชมพู โทร.054-217432 โทรสาร 054-224080
สายอรุณ 29 ถ.นาก่วมเหนือ ต.ชมพู โทร.054-222815-6 โทรสาร 054-224815
อินทรา เซรามิค 382 ถ.ลำปาง-เด่นชัย ก.ม. ที่ 1 โทร. 224382, 221189 โทรสาร 221227
บ้านฝ้าย 206/2 หมู่ 2 ถ.พหลโยธิน ลำปาง-เชียงราย ต.พิชัย โทร.054-224602
แหนมเขลางค์ 168 ถ.ทิพย์ช้าง โทร.054-217037
แหนมสมศรี 146 ถ.ป่าไม้ ต.เวียงเหนือ โทร.054-224061
ตั้งเฮียงหลี 57 ถ.ประสานไมตรี ต.สบตุ๋ย โทร.054-217364
ท่งเฮงกี่ 63-65 ถ.ประสานไมตรี ต.สบตุ๋ย โทร.054-223687
เล่าฮั่วกี่ 61 ถ.ประสานไมตรี ต.สบตุ๋ย โทร.054-217489
เล่าฮั่วกี่จั่น 67 ถ.ประสานไมตรี ต.สบตุ๋ย โทร.054-223771

ของฝาก ของที่ระลึกจังหวัดลำปาง

ผ้าทอ
ในบางหมู่บ้านยังมีการทอผ้าด้วยกี่พื้นเมือง โดยใช้ฝ้ายที่ปลูกขึ้นเอง เช่น “บ้านหลวง” อำเภอแม่ทะ ที่นิยมทอเป็นผ้าลายเชิง “บ้านทุ่งกว๋าว” อำเภอเมืองปาน นิยมทอเป็นผ้าลายยก นอกจากนี้ยังมีที่อำเภอแจ้ห่ม และที่ “บ้านฝ้าย” ตำบลพิชัย อำเภอเมือง ซึ่งมีโรงงานทอผ้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝ้ายทอมือ
หมู่บ้านแกะสลักบ้านหลุก
ตั้งอยู่ที่ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร หมู่บ้านนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพแกะสลักไม้เป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง ม้า สิงห์โต กวาง ฯลฯ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมครอบครัวที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมา
เครื่องเคลือบดินเผา
เนื่องจากจังหวัดลำปางมีแหล่งดินขาวที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทยและมีเป็นจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผาขึ้น ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่สองฝั่งเส้นทางเข้าตัวเมืองลำปาง มีร้านจำหน่ายอยู่ในตัวเมือง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมกรรมวิธีในการปั้นและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่โรงงาน
กระดาษสา
ทำมาจากปอสาซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อนชนิดหนึ่ง มีเนื้อเยื่อเหนียวและมีคุณสมบัติในการนำมาทำกระดาษ ประโยชน์ของกระดาษสาสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของได้หลายอย่าง เช่น ร่ม โคมไฟ ไส้เทียน ดอกไม้แห้งและของที่ระลึกต่างๆ เป็นต้น ในจังหวัดลำปางมีการทำกระดาษสาเป็นอุตสาหกรรมพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงคือที่ บ้านน้ำโท้ง
เซรามิค

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในจังหวัดลำปางรหัสทางไกล (054)

ที่ว่าการจังหวัดลำปาง: (054)218-800
ททท.สำนักงานภาคเหนือ เขต 1:(054)248-604, 248-607, 241-466
ตำรวจท่องเที่ยว: 1155
ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.5 ตาก : 055-511-340 055-511-340
สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง:(054) 217-017
ตู้ยามแม่สอด:(054) 532-222
ตู้ยามคลองขลุง:(054) 781-445
รพ.ลำปาง:(054) 222-443 , 223-623
รพ.แม่ทะ:(054) 289-184
รพ.ห้างฉัตร:(054) 269-231
รพ.สบปราบ:(054) 296-085
รพ.เกาะคา:(054) 281-393
รพ.แจ้ห่ม:(054) 271-010
รพ.เสริมงาม:(054) 286-029
รพ.เถิน:(054) 291-585
รพ.วังเหนือ:(054) 279-100
รพ.แม่เมาะ:(054) 226-535
ไปรษณีย์จังหวัด:(054) 224-069
สถานีขนส่งจังหวัด:(054) 217-852
เทศบาลเมือง:(054) 218-363-4